โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าชาวฝรั่งเศสไม่หยุดพัฒนาฝีมือ หลังปั้นดาวยิงสูงสุดเทียบเท่า เธียร์รี อองรี ในทีมชาติ
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กองหน้าชาวฝรั่งเศส ออกมาแสดงความมั่นใจหลังเจ้าตัวทำสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีมชาติฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ขอหยุดพรสวรรค์นี้ไว้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังพร้อมพัฒนาฟอร์มการเล่นของทีมให้มีศักยภาพที่ดีในฟุตบอลโลก 2022 นี้
บอลโลกนัดที่แล้วชิรูด์เป็นตัวจริง พร้อมทำคนเดียวสองประตูช่วย “ตราไก่” ประเดิมฟุตบอลโลกด้วยการแซง ออสเตรเลีย 4-1 พร้อมนำจ่าฝูงต่อไป ผลงานดังกล่าวทำให้เขาบวกกับจำนวนประตูในทีมชาติถึง 51 ประตู เทียบเท่ากับสถิติตลอดกาลของ อองรี และชิรูด์ยังกลายเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่ทำประตูให้ฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก
หลังจากทีมของ Olivier Chiru เอาชนะออสเตรเลียในฟุตบอลโลกได้ นี่คือที่สุด ทำให้เขาบอกว่าฉันภูมิใจในความสำเร็จส่วนตัวของฉันมาก และผมไม่ต้องการหยุดอยู่แค่นี้ ผมหวังว่าผมสามารถช่วยทีมไปสู่เป้าหมายในการแข่งขันครั้งนี้ เราดูกันที่เกม และหาทางพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราอยากทำได้ดีกว่านี้ เราต้องเข้าเกมให้ดีกว่านี้ เรากลัวเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเราก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เราพลิกสถานการณ์และทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง เราทำประตูได้มากกว่านี้ เราตั้งหลักได้ และเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก แม้ทุกอย่างจะไม่ลงตัวเกมนี้ดีต่อความมั่นใจของเรา แต่เราต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเล็กน้อยเหล่านั้น และนำมาปรับปรุงเพื่อผลงานที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”
“ชิรูด์” ยิงเบิ้ลทาบดาวซัลโวสูงสุด! ฝรั่งเศส ไว้ลาย แชมป์เก่า รัวยำ ออสเตรเลีย
“ตราไก่” ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง แม้โดนนำไปก่อน แต่รวมพลังแซง “ออสเตรเลีย” 4-1 จากผลงานของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยิงสองประตู ขึ้นแท่นดาวซัลโว 51 ประตู เท่า อองรี พาทีมเก็บ 3 แต้ม เปิดหัวบอลโลก 2022 รั้งจ่าฝูงกลุ่ม D
ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ เทรนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์เก่าปี 2018 พาทีมลงสนามแพ้เดนมาร์ก 0-2 ในศึกเนชั่นส์ลีก สุดท้ายหลังจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม D ของรอบคัดเลือกโซนยุโรป
แกรม อาร์โนลด์ เทรนเนอร์ทีมชาติออสเตรเลีย พาทีมลงสนามล่าสุดเอาชนะนิวซีแลนด์ 2-0 ในเกมอุ่นเครื่อง ส่วนผลงานในรายการนี้ทัพจิงโจ้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกหลังดวลจุดโทษเอาชนะเปรู 5-4 ในรอบเพลย์ออฟระหว่างเอเชียกับอเมริกาใต้ (ในเวลาเสมอกัน 0-0)
เปิดครึ่งแรก 9 นาที ออสเตรเลีย ทะยานนำ 1-0 จากบอลยาว ออกขวาให้ แม็ทธิว เล็คกี้ ล็อกหลบ Craig Goodwin ชาร์จทางซ้าย Hugo Lloris ทุบเพดานตาข่าย
นาทีที่ 22 “ตราไก่” เกือบได้บอลง่ายๆหน้าเขตโทษให้ มิทเชล ดุ๊ค เก็บส้มล้มลงด้วยขวาติดพิ้งกี้ผ่านมือ อูโก้ ญอริส นิดเดียว ออกจากโพสต์แรก
แต่แล้วในนาทีที่ 27 “แชมป์เก่า” ตามตีเสมอ 1-1 จนได้ หลังจากความผิดพลาดของออสเตรเลียสกัดบอลไม่ขาดสาย เตโอ เอร์นานเดซ ชิดเขตโทษฝั่งซ้ายหลุดโค้งไปที่กรอบ 6 หลา ถึงเอเดริ ยง ราบิโอต์ โขกเสียบเสาไกลตุงตาข่าย
ผ่านไป 30 นาที ฝรั่งเศสได้ใจเร่ง อองตวน กรีซมันน์ เก็บบอลทางซ้ายตัดโค้งขวาหลุดมาหน้ากรอบ 6 หลา เข้าหัวของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โล่งๆ คานประตู
อีก 2 นาทีต่อมา “ตราไก่” ขึ้นนำเป็น 2-1 จากความผิดพลาดของ นาธาเนียล แอตกินสัน เสียบอลทางฝั่งซ้ายจังหวะสุดท้ายให้ อาเดรียง ราบิโอต์ เสียบเข้าเขตโทษ ถวายพานให้โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เก็บผลงานไม่พลาด
ก่อนจบครึ่งแรก 10 นาที “แชมป์เก่า” โหมชุดใหญ่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ถอยลงมาเชื่อมบอลหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา ตอกส้นตั้งให้ อองตวน กรีซมันน์ หักข้อด้วยซ้ายอัดเสาแรก
นาทีที่ 45 ฝรั่งเศสปิดหนี อองตวน กรีซมันน์ หลุดกับดักล้ำหน้า เข้าเขตโทษฝั่งขวา โยนก้อยหน้ากรอบ 6 หลา วิ่งเข้าชาร์จแบบไร้ตัวเหินข้ามคานเหลือเชื่อ ลำแสง
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 45+1 ออสเตรเลียตามตีเสมอได้หวุดหวิด เคร็ก กูดวิน พาบอลไปทางซ้ายหนีช่องเข้าเขตโทษ ตกหัวของ แจ็คสัน เออร์ไวน์ โขกย้อนเข้าทาง อูโก้ โยริส เสากระดอนออกมา จบครึ่งแรก ฝรั่งเศส 2 ออสเตรเลีย 1
นาทีที่ 50 “ตราไก่” ออกหมัดก่อน เตโอ เอร์นานเดซ เติมเกมบุกทางซ้ายข้ามบอลเข้าเขตโทษข้ามเสาสองให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ล้มจักรยานอากาศหน้า น.6 กรอบลาน กระเด็นออกจากพื้นเล็กน้อย
ผ่านไป 60 นาที จากจังหวะประสานงานที่สวยงาม โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เปิดบอลเร็วให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ โชว์ความเร็วเสียบเข้าเขตโทษเกือบล่อเป้าให้แนวรับออสเตรเลีย
7 นาทีต่อมาจากจังหวะขึ้นเกมทางซ้ายบอลไหลมาเข้าทาง อ็องตวน กรีซมันน์ ตั้งเท้าพุ่งตามน้ำพุ่งเข้าปากประตูสกัดแนวรับแล้วซัดออกหลังไป
จากจังหวะต่อเนื่อง ฝรั่งเศส ขยับมาห่างเป็น 3-1 จน อุสมาน เดมเบเล่ ตามมาเก็บได้ทางขวาดึงจังหวะหลุดเข้าเขตโทษให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เปลี่ยนทางเช็ดเสาสองกระดอน ลงไปด้านล่าง สุทธิ
ต่อมานาทีที่ 72 “ตราไก่” ทุบเป็น 4-1 คีเลียน เอ็มบัปเป้ ขยับไปเล่นปีกซ้ายใช้ความเร็วกระชากโค้งหน้ากรอบ 6 หลาเข้าหัวโอลิวิเยร์ ชิรูด์ทำประตูที่สองในเกม
จบเกมนายรับออสเตรเลียเจองานหนักต่อเนื่อง อิบราฮิมา โคนาเต โขกเข้าเป้า หัวกระดอนพื้นเต็มๆ แม็ทธิว ไรอัน ลอยเหลือเชื่อ หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เกิดขึ้นอีก ฝรั่งเศส 4, ออสเตรเลีย 1.
รายชื่อผู้เล่นในสนาม
- ฝรั่งเศส (4-1-2-3) : อูโก้ ยอริส ; เบนจามิน ปาวาร์ด (89′ จูลส์ กุนเดน), ดาโยต์ อูปาเมกาโน, อิบราฮิมา โก เนเต้, ลูกัส เอร์นานเดซ (ธีโอ เอร์นานเดซ น.13) – โอรีเลียน ชูอาเมนี (ยุสซูฟ โฟฟานา น.77) – อาเดรียง ราบิโอต์, อองตวน กรีซมันน์ – อุสมาน เดมเบเล่ (คิงส์ลีย์ โกม็อง น.77), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คัส ตูราม น.89), คีเลียน เอ็มบัปเป้
- ออสเตรเลีย (4-1-2-3) แมทธิว ไรอัน – นาธาเนียล แอตกินสัน (มิลอส เดเกเน็ค น.85), แฮร์รี ซัตทาร์, ไคล์ โรวส์, อาซิซ เบฮิช – อารอน มอย – ไรลีย์ แม็คกรี (เอเวอร์ มาบิล น.73), แจ็คสัน เออร์ไวน์ (คีอานู แบคคัส, 85′) – แมทธิว เลอ คูกี้, มิทเชลล์ ดุ๊ก (เจสัน คัมมิงส์ ’56’), เครก กู้ดวิน (คาเรน คูล ’73)