แนะนำทีมฟุตบอลโลก 2022 ทีมชาติเยอรมนี
“อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของวงการลูกหนัง โดยพวกเขาผงาดคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัย ในปี 1954, 1974, 1990 และ 2014อย่างไรก็ตาม ในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เยอรมนีกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไปแบบช็อกโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นักเตะเมืองเบียร์จอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่ม และหลังจากนั้น ทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการถัดมาอย่าง ยูโร 2020 แข้งเยอรมันก็ไปได้ไกลเพียงแค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขาอย่างแท้จริงและแน่นอนว่า ในศึกฟุตบอลโลก 2022 คราวนี้ เยอรมนีมีเป้าหมายที่จะกลับมาผงาดให้ได้อีกครั้ง และพวกเขาเป็นทีมแรกที่ซิวตั๋วลอยลำเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ (ไม่นับรวมเจ้าภาพ กาตาร์) หลังจากคว้าแชมป์กลุ่มเจ โซนยุโรป ด้วยผลงานลงสนาม 10 นัด ชนะ 9 แพ้ 1 เก็บ 27 แต้ม ทิ้งห่างอันดับสอง นอร์ธ มาซิโดเนีย ห่างถึง 9 แต้ม
กุนซือและผู้เล่นคีย์แมน
หลังจากตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 ต่อด้วยจอดป้ายรอบ 16 ทีมศึกยูโร 2020 กุนซือ โยอาคิม เลิฟ ก็โบกมือลาทีมชาติเยอรมนีไปหลังจากคุมทีมมานานเกือบ 15 ปี และสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนีได้แต่งตั้ง ฮันซี่ ฟลิค เข้ามาคุมทีมแทนเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 สำหรับ ฟลิค มีผลงานโดดเด่นคือการพาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ขณะเดียวกัน เฮดโค้ชวัย 57 ปีรายนี้ผ่านประสบการณ์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของโยอาคิม เลิฟ ในทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลก 2014 และชุดอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2010 มาแล้วส่วนขุมกำลังของทีมอินทรีเหล็กชุดปัจจุบันมีนักเตะจากทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น มานูเอล นอยเออร์, โจชัว คิมมิช, แซร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์, จามาล มูเซียล่า, ลีออน กอเรตซ์ก้า และ ลีรอย ซาเน่ผนึกกำลังกับแข้งดังที่แฟนบอลคุ้นชื่อคุ้นหูกันดี อาทิ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เรอัล มาดริด) อิลคาย กุนโดกัน (แมนซิตี้) ไค ฮาแวร์ตซ์ (เชลซี) และ ติโม แวร์เนอร์ (แอร์เบ ไลป์ซิก) ซึ่งถ้าเทียบขุมกำลังกันตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้ว ทัพเยอรมนีชุดนี้ถือว่าแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครเหมือนกัน
วิเคราะห์โอกาสเข้ารอบ
เยอรมนี อยู่ในกลุ่มอี ร่วมกับ สเปน, ญี่ปุ่น และ คอสตาริกา ซึ่งดูจากรายชื่อคู่แข่งร่วมกลุ่มแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องเข้ารอบให้ได้สถานเดียว เพราะขืนร่วงรอบแรกฟุตบอลโลก 2 สมัยติด บอกเลยว่าวงการลูกหนังเมืองเบียร์ได้ยกเครื่องสังคายนากันใหม่แน่นอน
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เยอรมนี น่าจะแย่งชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับ สเปน และตีตั๋วผ่านเข้ารอบสองไปไขว้เจอกับทีมจากกลุ่มเอฟ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็น เบลเยียม กับ โครเอเชีย ซึ่งเป็นสองทีมแกร่ง และคงไม่ใช่งานง่ายสักเท่าไรของทีมอินทรีเหล็ก
อย่างไรก็ตาม ด้วยศักดิ์ศรีชาติยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอล รวมทั้งดีกรีอดีตแชมป์โลก 4 สมัย พวกเขาต้องทะลุรอบนี้ไปให้ได้ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นทีมใดก็ตาม และควรจะตบเท้าเข้าถึงรอบรองชนะเลิศให้ได้เป็นอย่างน้อย หากกลับบ้านเร็วกว่านั้นถือว่า “ล้มเหลว”
ขณะเดียวกันหากมองในอีกมุมหนึ่ง จากผลงานช่วงหลังที่ผิดหวัง ไล่มาตั้งแต่ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018, ตกรอบ 16 ทีมยูโร 2020 ต่อด้วยศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ปีล่าสุดที่ชนะแค่นัดเดียวจาก 6 นัด ทำให้เยอรมันไม่ได้ถูกยกให้เป็นทีมเต็งแชมป์ลำดับต้นๆ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 โดยล่าสุดพวกเขาถูกวางให้เป็น “เต็ง 6” ต่อจาก บราซิล ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา อังกฤษ และ สเปน ซึ่งอาจส่งผลดีให้ขุนพล “อินทรีเหล็ก” ลงสนามแบบไร้ความกดดัน และสามารถทวงความยิ่งใหญ่ในอดีตกลับคืนมาก็เป็นได้
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ของทีมชาติเยอรมนี
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 20:00 น.
เยอรมนี พบ ญี่ปุ่น : สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน เวลา 02:00 น. (คืนวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ย.)
สเปน พบ เยอรมนี : สนามอัล เบย์ท สเตเดี้ยม
วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (คืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค.)
คอสตาริกา พบ เยอรมนี : สนามอัล เบย์ท สเตเดี้ยม