ลิเวอร์พูล VS แมนซิตี้ 1-0 (คลิปไฮไลท์) : ซาลาห์ ฮีโร่ ซัดโทนดับ เรือใบ สุดเดือด สี่ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ส่งผลให้พ่ายแพ้ในเกมแรกให้กับ เรือใบ เข้าข้างได้สำเร็จ
สุดเข้มข้น 4ประเด็นร้อน ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ แมนฯซิตี้ 1-0
ลิเวอร์พูล VS แมนซิตี้ 1-0 (คลิปไฮไลท์) : ซาลาห์ ฮีโร่ ซัดโทนดับ เรือใบ สุดเดือด บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกในวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม จบลงด้วยการที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ที่บ้านด้วยประตูของโมฮาเหม็ด ซาลาห์เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นครั้งแรกในลีก และนี่คือ 4 ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในเกม
- หงส์แดงเกมพิการต้องปรับทัพพลุกพล่าน ลิเวอร์พูลขาดผู้เล่นหลักหลายคนในแนวรับ รวมถึงโจเอล มาติป และอิบราฮิโม โคนาเต เซ็นเตอร์แบ็คคนสำคัญสองคน แม้ว่าเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์แบ็คขวาก็ตาม จะเยียวยาแต่ยังไม่สมบูรณ์พอ ดังนั้นจึงเป็นเพียงตัวสำรองดังนั้น คล็อปป์จึงออกแบบกองหลังใหม่ด้วยการเพิ่มโจ โกเมซ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นบ่อน้ำมัน ลงมายืนตรงกลางกับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และเลือกที่จะปล่อยให้เจมส์ มิลเนอร์ สตาร์ตัวเก๋ายืนแบ็คขวา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันแบ็คซ้าย สามารถประจำการได้ซึ่งสนับสนุนชุดนี้ อาจกล่าวได้ว่าแนวรับของแมนฯ ซิตี้ กับ Erling Haaland, Kevin De Bruyne และ Phil Foden ไม่รอดแน่นอน แต่ผลลัพธ์ก็อย่างที่ทุกคนเห็น สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามเป็นข้อตกลงทั้งหมด อันตรายที่สุดของ เรือใบสีน้ำเงิน ทำได้หมด
- ครึ่งแรกครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วน เกมครึ่งแรกทั้งสองทีมไม่ได้เริ่มต่อสู้กันเหมือนเมื่อก่อน ที่ผ่านมาทั้งลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้เริ่มเกมกันอย่างแน่นแฟ้น เล่นกันเพราะไม่อยากเป็นฝ่ายแรก ทำให้เกมออกมายังไม่ตื่นเต้นมากนัก และโอกาสทำประตูก็ยังไม่มากเท่าที่ควร แต่กลับมาเตะกันในครึ่งหลัง กลายเป็นฟิล์มคนละม้วนทันที เมื่อทั้งสองทีมติดอาวุธกันไม่ขาดสาย ทั้งสองฝ่ายเปิดเกมแลกเปลี่ยนกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งแม้ว่าแมนฯ ซิตี้ จะดูจะครองเกมรุกได้มากกว่าเล็กน้อย แต่ยังเป็นผู้นำไม่ได้ และเมื่อนำไม่ได้ก็ต้องโดนลงโทษ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าถิ่นเก่งแค่ไหนในการโต้กลับเร็ว และคือ ซาลาห์ ที่มีบอลหลุดลูกเดียวเข้าโฟกัส ส่งบอลผ่านมือของเอแดร์สันเข้าตาข่าย เป็นประตูชัยของ หงส์แดง
- การยิงของ Phil Foden ถูกริบ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้เมื่อแมนฯซิตี้ส่งบอลเข้าตาข่ายในนาทีที่ 53 นับจากวินาทีที่เดอ บรอยน์ส่งบอลแบบสวยให้ฮาแลนด์ตกบอลจากมือของอลิสสัน เบ็คเกอร์ทำให้บอล ทะลักเข้าทางโฟเดน ยิงใส่ โจ โกเมซ อย่างเดือดดาล จนบอลพุ่งเข้าประตู แต่โชคของลิเวอร์พูลยังคงอยู่เมื่อลูกยิงนี้ถูกริบหลังจากที่ผู้ตัดสินดูภาพ VAR มีการทำฟาล์วตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อ Haaland ดึงเสื้อของ Fabinho ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ลูกยิงกลายเป็นโมฆะสกอร์ยังคงเป็น 0-0 แน่นอน ถ้า เรือใบ ขึ้นนำก่อนเกมและผลการแข่งขัน อาจจะไม่ออกมาแบบนี้
- โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาแล้ว หลังจากที่ปืนฝืดในเกมลีกไปหลายนัด ปีกทีมชาติอียิปต์ ก็สามารถทำลายตาข่ายได้อีกครั้ง อีกทั้งยังเป็นประตูชัยให้กับทีมอีกด้วย และยังเป็นลูกยิงที่แมนฯซิตี้อีกด้วยอันที่จริงในเกมนี้ ซาลาห์น่าจะยิงได้สองประตู เพราะในต้นครึ่งหลัง เขามีโอกาสดวลเดี่ยวกับเอแดร์สัน แต่ทีมเยือนกลับแซงหน้า ยังโชว์เซฟสุดขีดด้วยปลายนิ้วสะบัดลูกยิง ออกหลังแบบสุดๆ ทำให้ดาราอียิปต์ ยังไม่มีชื่อบนกระดานคะแนนแต่ในนาทีที่ 76 จากการโต้กลับที่รวดเร็ว อลิสสัน เปิดบอลที่หน้าเขตโทษ และซาลาห์ก็หลุดไป เขาไม่ได้พลาดมัน ยิงบอลข้ามผู้รักษาประตูชาวบราซิล ใส่ตาข่ายสวยๆ ช่วยทีมนำ 1-0 และมันก็เป็นประตูที่ตัดสินเกมนี้เช่นกัน
ที่นี่แอนฟิลด์ Bangmo Hero ยิงให้ หงส์แดง ได้รับชัยชนะเหนือ เรือใบ
ลิเวอร์พูล VS แมนซิตี้ 1-0 (คลิปไฮไลท์) : ซาลาห์ ฮีโร่ ซัดโทนดับ เรือใบ สุดเดือด เป็นเกม 5 ดาวตัวจริงที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 จากประตูชัยของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะความเร็วของลูกบอลเร็วมาก เปิดหน้าแลกหมัดตลอดเวลา ความรู้สึกคนโดนตบหน้าเวทีเท่ากับแพ้
ในที่สุดก็กลายเป็นหงส์แดงที่คว้า 3 แต้มสำคัญมาครอง พร้อมแสดงวิธีหยุดความร้อนแรงของ Erling Haaland เมื่อ Joe Gomez กองหลังของ Liverpool โชว์ร่างสีทองประกบกันทั้งหมด จนได้รับคำชมจากทุกทิศทุกทาง ซึ่งจะมีการเดือดระหว่างเกมด้วย ไปดูประเด็นที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในเกมนี้กัน
- โจ โกเมซ ร่างทอง ก่อนเริ่มการแข่งขัน เราทุกคนรู้ดีว่า Ibrahima Konate กองหลังอีกคนได้รับบาดเจ็บ แน่นอนว่าการพลาดลงสนามช่วยทีมทำให้เกมของหงส์แดงกลายเป็นปัญหาหนักทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้มีทั้ง Joel Matip และ Trent Alexander-Arnold อยู่ในรายชื่อผู้บาดเจ็บ ด้วยเกมรับที่เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ แฟน ๆ ค็อปกังวลอย่างมากเพราะเจมส์ มิลเนอร์ต้องยืนแบ็คขวา และด้วยอายุเท่านี้ ฟิล โฟเด้นจะไหม้หรือไม่? โจ โกเมซ ดีแค่ไหนที่จะยืนเคียงข้างเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค? เพราะต้องตาม Erling Haaland ที่ร้อนแรง แต่ทว่าตลอด 90 นาทีนั้นต้องบอกว่าทั้งเจมส์ มิลเนอร์และโจ โกเมซทำได้ดีเกินคาด โดยที่อุปราชไม่โดนไฟคลอกแต่อย่างใด ทะลุทะลวงให้เห็นไม่ง่ายนักและเขาก็จะมีเด็กอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และฮาร์วีย์ เอลเลียต ลงมาช่วยตลอดเวลา เติมเพื่อข้ามในแบบที่สามารถชนะได้หลายครั้ง
- สำหรับโจ โกเมซ คุณต้องลุกขึ้นยืนปรบมือ นี่คือร่างสีทองของโจ โกเมซอย่างชัดเจน เพราะเขาสามารถครองเออร์ลิง ฮาแลนด์ได้ด้วยกำปั้น เรียกได้ว่ายัดหน้าทีมชาตินอร์เวย์ คุณสามารถใส่ไว้ในกระเป๋าของคุณ แม้ว่าจะมีโอกาสที่ Haland จะมีแสงสว่างบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาเองที่ทำให้ Haland ไม่สามารถแสดงรูปร่างของเขาได้ ถึงขนาดที่ป้าแฮงค์ผู้ให้เสียงในเกมคู่นี้บอกว่านี่คือโจ โกเมซ หุ่นทองคำชัดๆ กับสถิติเกมรับที่ยอดเยี่ยม ทั้งสกัดกั้นจังหวะอันตราย 6 ครั้ง / ชนะ 4 ครั้ง / ชนะ 3 แท็คเกิ้ล และ ไม่มีใครเลี้ยงบอลผ่านได้
- VAR ช่วยลิเวอร์พูล The Kop ที่ Anfield เงียบในนาทีที่ 53 เมื่อ Kevin De Bruyne ข้ามแนวรับของ Erling Haaland ก่อนที่ Alisson จะหยิบลูกบอลขึ้นมา แต่มันกระเด็นไปในทิศทางของฟิล โฟเดน ซุกเข้าตาข่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบบที่แฟน ๆ ของ The Citysen รุมเร้าไปทั่วทุ่งแต่นักเตะลิเวอร์พูลรีบวิ่งไปหาผู้ตัดสิน เพราะพวกเขาคิดว่าควรฟาวล์ก่อนถูกยิง ซึ่งในตอนแรกภาพนั้นช้า พยายามนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ Haland ไปปั๊มบอลจากมือของ Alisson หรือไม่?แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ มันเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านั้นที่ Haaland ใช้มือของเขาดึง Fabinho ลง โดยผู้ตัดสินวิ่งไปดูหน้าจอ VAR ข้างสนามก่อนที่จะทำฟาวล์ นอกจากสกอร์แล้ว แมนฯซิตี้ ยังเสมอกัน 0-0
- ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิลทั้ง 2 ฝ่าย โชว์ฟอร์มได้ดี เห็นว่าเกมแลกกันมันส์มาก แต่มีแค่ประตูเดียวเพราะผลงานผู้รักษาประตูของทั้งสองทีม ได้แก่ อลิสสัน เบ็คเกอร์ แห่งลิเวอร์พูล และเอแดร์สัน โมเรส์ กองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์เซฟสุดโหด ทีมหลายครั้งเริ่มจากเอแดร์สันถึงแม้จะเสียประตู แต่ถึงกระนั้นเซฟสำคัญของเขา ที่ไม่ได้ทำให้ทีมตามหลังในครึ่งหลังอย่างรวดเร็ว มันคงเป็นจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกมาคนเดียว พยายามจะถ่ายภาพนิ่ง แต่ถึงกระนั้น Ederson ก็สะบัดปลายนิ้วอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับอลิสสัน เขาได้เซฟสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะจากการหาโอกาสให้ Erling Haaland โหม่งบอลเต็มหัว หรือยิงด้วยเท้าซ้าย เขาสามารถปัดป้อง มันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ช่วยให้หงส์แดงเก็บคลีนชีตได้เมื่อฟอร์มดีทั้งสองนี้ เชื่อกันว่า ติเต้ โค้ชทีมชาติบราซิล จะต้องปวดหัวแน่ๆ ว่าใครจะใช้เป็นผู้รักษาประตูหมายเลข 1 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ก่อนหน้านี้ อลิสสัน ที่เคยได้รับโอกาส มากกว่าเฝ้าเสา
- โม ซาลาห์ เริ่มคืนฟอร์ม ในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล โม ซาลาห์ ต้องทำตัวห่างเหินจากขอบและรับบทบาทเป็นผู้ป้อนมากกว่าผู้ทำประตู ส่งผลให้ผลงานของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาทำได้เพียงสองประตูในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และล้มเหลวในการทำประตูในห้าเกมติดต่อกันในลีกแต่ตอนนี้บางหมอต้องได้รับมอบหมาย ให้กลับมาเล่นบทบาทเดิมคือเคลื่อนเข้าสู่เขตโทษมากขึ้น หลายครั้งก็ทำหน้าที่เหมือนกองหน้าเป้า นั่นทำให้โอกาสในการจบสกอร์ของซาลาห์มากกว่าหลายเท่าเกมนี้ ซาลาห์มีโอกาสมากมาย แต่เขาสะดุด กระทั่งใช้โต้กลับเร็ว เริ่มด้วย อลิสสัน ที่ออกมารับบอลจากฟรีคิกของ เควิน เดอ บรอยน์ ก่อนเปิดยาวให้บานโม่ พลิกตัว ชูเอา คานเซโล่ ก่อนปล่อยโซโล ให้ยิงผ่านมือของเอแดร์สัน เท่ากับ 5 เกมหลัง ซาลาห์เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3 ประตู ก่อนหน้านี้เพิ่งสร้างสถิติทำแฮตทริกที่เร็วที่สุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่หงส์แดงบุกกลาสโกว์ เรนเจอร์ส 7-1.
- ปฏิกิริยาเดือดของที่ปรึกษา 2 คน หลังจาก VAR ดึงแมนเชสเตอร์ซิตี้ออกจากการยิงที่ Foden ส่งบอลเข้าตาข่าย Pep Guardiola ไม่พอใจอย่างมาก แม้จะประชดประชันขอเสียงจากเดอะ ค็อป เพราะเขาไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าเดอะบลูส์ควรมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำหลังเกมเป๊ปให้สัมภาษณ์อย่างเข้มข้น เมื่อถูกถามว่า คุณคิดอย่างไรกับการที่ลูกบอลถูกถอดออกเป๊ปตอบว่า เพราะที่นี่คือแอนฟิลด์ไงล่ะในขณะที่ปฏิกิริยาของเจอร์เก้น คล็อปป์ รุนแรงพอๆ กัน แต่ก็มีบางจังหวะที่เขาจุดไฟใส่ผู้ตัดสิน เพราะไม่ยอมเป่าฟาล์ว เริ่มจากลูกยิงที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดน โรดรี้ ซัดด้านหลังแต่ไม่ได้ฟาวล์ เกือบเสียประตูจุดจบของเกมเป็นประเด็นร้อนเมื่อคล็อปป์ไม่พอใจกับคำตัดสิน ไม่ยอมให้ซาลาห์ทำฟาวล์ ทั้งที่แบร์นาร์โด้ ซิลวา ดึงเสื้อแทบหลุด ซึ่งคล็อปป์ ได้ฉีกฟิวส์ขาด ให้ตะโกนใส่หูผู้กำกับเส้นที่คอเคล็ดเหมือนเอ็น ในที่สุด แอนโธนี่ เทย์เลอร์ หยิบใบแดงและไล่เขาออกจากบัลลังก์ทันที
- หงส์แดงชนะ แต่ เซน โจตา ทุกอย่างดูน่ารักสำหรับลิเวอร์พูลเพราะพวกเขาเก็บสามแต้มสำคัญเหนือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งของพวกเขา แต่ถึงกระนั้นความเสียหายที่พวกเขาต้องเผชิญ คืออาการบาดเจ็บของ ดิโอโก้ โชต้า แนวรุกที่สำคัญเนื่องจากช่วงทดเวลาบาดเจ็บ Jota มีปัญหาที่เกิดขึ้น ชนิดที่ไม่สามารถลุกไปเล่นและต้องใช้เปลหามนอกสนาม ซึ่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่รู้ว่าหนักแค่ไหน แต่แน่นอนว่ายังไม่พร้อมเผชิญหน้า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จะต้องอธิษฐานขอสิ่งใด แต่รายงานล่าสุดที่อาจรุนแรงพอที่จะพลาดฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเริ่มในเดือนหน้า
- หลังเกมมีผลอย่างไรต่อลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้?
- แน่นอนว่าชัยชนะของลิเวอร์พูลในเกมนี้ทำให้พวกเขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ ด้านและเพิ่มผู้เข้าแข่งขันในสี่อันดับแรกของหงส์แดง ก่อนเกมจะเริ่ม ตกลงมาอยู่อันดับที่ 12 ในตาราง แต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่อันดับที่ 8 โดยมี 13 แต้มจาก 9 เกม ตามหลังเชลซีเพียง 6 แต้ม ช่องว่างเล็กน้อย ถ้าวัดจากการแข่งขันยังอีกยาวไกล ส่วนการคว้าแชมป์ ผมเชื่อว่าหงส์แดงจะไม่เป็นแบบนั้นอีก เพราะก่อนที่เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ยกธงขาวยอมแพ้แล้ว ดังนั้นการคว้าแชมป์ท็อปโฟร์จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ลิเวอร์พูลต้องทำก่อน โดยชัยชนะครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้เกมแรกในลีกฤดูกาลนี้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีการไล่ตาม อาร์เซนอล จ่าฝูง เพราะถึงแม้เดอะบลูส์จะครองอันดับ 2 เหมือนเดิม แต่ไล่ตามปืนใหญ่ถึง 4 แต้มด้วยเรซเดิม 10 นัด การสูญเสียคือการสูญเสียทั้งหมด แต่เชื่อว่ามันจะไม่ส่งผลมากนักกับใบเรือสีน้ำเงิน เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา แถมผมยังไม่เห็นพวกเขาแพ้ติดต่อกันเลย และกลับมาในเกมต่อไปเสมอ ลืมเกมที่แพ้ให้ลิเวอร์พูลให้เร็วที่สุด นัดต่อไปมีภารกิจกับไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน รอทำคะแนนเพื่อไล่ตามพรีเมียร์ลีกอังกฤษ